ชูรส ชูรักอย่างไรในใช้ชีวิตคู่ (เคล็บไม่ลับ)ให้ความรักให้ยืนยง ความสัมพันธ์ยืนยาว ยั่งยืนฉบับคุณแม่ออนไลน์ (ส่วนตัวจินเอง)
หากมีชีวิตคู่ เป็นคู่ชีวิตที่ดี
ก็เหมือนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1
ในทุกวันเลยนะคะ
ก่อนอื่น….
ขออนุญาตออกตัวก่อนนะคะว่า
จินเองก็เป็นผู้ฝึกตนเรื่องนี้ เช่นกัน
ยังไม่ถึงขั้นเป็นกูรูเรื่องคู่ชีวิต นะคะ
หากใครสักคน หรืออาจจะเป็นทั้งคู่ ขี้บ่น จู้จี้ เจ้าอารมณ์บ่นโทษ ต่อว่า หาแต่เรื่องตำหนิติเตียนอีกฝ่าย จนเป็นนิสัยจะให้ชูรส ชงความรักการใช้ชีวิตคู่เป็นคู่ชีวิตร่วมกันต่อไปได้อย่างไร?ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ
ต่อให้ จะมีเหตุผล เพื่อการอยู่ด้วยกันให้รอด….
จะเพราะความรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อทำหน้าที่พ่อ และแม่ของลูกๆ
จะเติมอย่างไร
ความสัมพันธ์ชีวิตคู่แบบนี้ก็คงไม่เต็มซะที
พร้อมจะฟาดง่วงฟาดงา ไม่เกรงฟ้า กลัวดิน
แม้กระทั่งต่อหน้าลูกๆก็ไม่เว้น
ท้ายที่สุด พออารมณ์สงบ
ก็มานั่งตบตี ต่อว่าตัวเอง เสียใจ โกรธตัวเอง
ที่ทำสิ่งนี้ ทำสิ่งนั้นต่อหน้าลูก ๆก็บ่อยไป
#พูดไม่อาย ไม่กลัวขายขี้หน้า 55
จินเองนี้แหละตัวแม่วงการบันเทิง
ที่ไม่รู้เหน็ดเหนื่อยในการแปลงร่าง
เป็นนางฟ้าที เป็นนางยักษ์ที ต่อหน้าลูกๆ
และสามี แม้เวลาไม่กี่เสี้ยวนาที จินก็สามารถสลับร่างเป็นตัวดี ตัวร้าย ทำได้แบบชำนาญ
เลยละค่ะ
จินใช้เวลาร่วม 3 ปีเหมือนกันนะคะ
ในการพัฒนาเรื่องอารมณ์และความสัมพันธ์
ในครอบครัว (นานเอาเรื่องนะคะ) โชคดีสามีเป็นคนใจเย็น พูดน้อย มีเหตุผล ใช้ความรักนำการให้อภัยตลอด 555
แต่ปัจจุบันนี้ ตอนนี้ ที่กำลังนั่งเขียนบทความนี้อยู่ ลูกๆยกให้เป็นจินจู (Cin cū ไข่มุก หรือองค์หญิง) ผู้ใจดีของลูกๆและสามีแล้วนะคะ
ผลของความสำเร็จ วันนี้
แม้ยังเล็กน้อย แต่คุ้มมากๆค่ะที่วันนั้น
ยอมรับ โอบกอด ขอโทษ ให้อภัยตัวเอง
แล้วตัดสินใจที่จะเปลี่ยนเพื่อเราทุกคน
หากคุณกำลังอ่าน/ฟังเรื่องราวที่จินเล่ามาถึงตรงนี้ และคุณเองกำลังเผชิญความท้าทายในการใช้ชีวิตคู่ อยู่ต่อก็ยากยุ่งหัวใจ จะแยกย้ายจากกันไปก็ยังไม่ได้และมีใจอยากให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น ขั้นกว่าในวันนี้
จินเชื่อว่าบทความนี้ จะเป็น #กุญแจแห่งการเริ่มต้นให้คุณได้ออกแบบและสร้างวันดีๆให้กับชีวิตคู่ของคุณ ได้เช่นกันไม่มากก็น้อยค่ะ
ไปเริ่มกันเลยค่า….
1.ทุกการบ่นเรื่องลบของอีกคน 1 ครั้งไม่ว่าจะเป็นความคิด หรือคำพูดก็จะต้องหาสิ่งดีๆ เรื่องดีๆ 10 เรื่องมาทดแทนกัน เพื่อให้ความสัมพันธ์ชีวิตคู่งอกงาม เติบโตไปต่อ ไม่แห้งเหี่ยวเฉาตาย แล้วจบด้วยการแยกย้าย หย่าร้างลากันไป หรือสร้างความทุกข์ใจแต่ไม่ไปจากกัน ซะที
2.จัดการกับอารมณ์อันตรายในตัวเองก่อน
2.1 อารมณ์เหนื่อยล้าทำ ให้ปี๊ดแตกง่าย กลายร่างเร็วค่ะ สังเกตหรือลองทวนดูกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็ได้ จริงไม่จริง…
2.2 อารมณ์หิว หิวจนฟิวส์ขาด
โมโหหิว คงเคยเห็นภาพไม่ต้องขยายความนะคะว่าพลังจะมหาศาล เกินต้านขนาดไหนถ้ามีเรื่องจุดประกายอารมณ์ในขณะกำลังหิวค่ะ
2.3 อารมณ์เครียด เบื่อ เหงา เศร้า
เป็นอารมณ์ด้านลบที่อันตรายมากๆค่ะ
จัดว่าเป็นระเบิดเวลาดี ๆ ที่พกติดตัวตลอดเวลาพร้อมทำลายล้างคนอื่น หรือตัวเองได้ทุกเมื่อ
เลยนะคะ เชื่อไหม?
รู้ทันให้ไวไม่เพลิกเฉลย จับสัญญาณอารมณ์เหล่านี้ได้
คุณสามารถใช้เป็นจังหวะ หาเหตุผลให้ตัวเองได้จัดเวลาให้ สำหรับการผ่อนคลายให้ตัวคุณเองตามชอบ ทันทีเลยนะคะ
เช่นจะไปเที่ยว ไปเดินห้าง ไปหาอะไรอร่อยๆทาน ไปร้านนวดร้านสปา และใช้เวลาทองตรงนี้เป็นกิจกรรมร่วมกับคนที่บ้านและลูกๆได้ จะยิ่งเป็นช่วงเวลาทองคำเพิ่มไปอีกค่ะ
3. สบตา หันหน้า จับมือคุยกัน #หากจะไปต่อด้วยกัน นะคะ
3.1 จัดช่วงเวลาพิเศษ ให้คุณและคนที่บ้านได้พูดคุยเปิดใจ จะตำหนิกันบ้าง ก็จะได้ให้อีกคนได้อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นบ้าง คุยกันตรงไปตรงมา แล้วกล้าที่จะขอโทษ กล้าให้อภัยกันค่ะ
3.2 โอบกอด และบอกรักกันสม่ำเสมอ ทำได้บ่อยๆ ไม่มีมากไป มีแต่เพิ่มขึ้นทุกๆวัน วันละหลายๆครั้ง หรือทุกครั้งที่เจอกันทั้งเวลาสุข
เวลาทุกข์ กอดเงียบๆก็ผ่อนคลาย ลองดูนะคะ
3.3 เลี่ยงคำต้องห้ามเหล่านี้ เมื่ออีกฝ่ายทำพลาดบางสิ่ง บางเรื่อง บางอย่าง เช่น
” ฉันว่าแล้วเชี่ยว ”
” ฉันบอกเธอแล้ว ยังดื้อที่จะทำ เป็นไงละ”
” เธอทำไม่ได้หรอก”
** ห้ามเด็ดขาด **
เอาคนที่บ้าน ไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
สัญญาณเตือนว่าคุณกำลังเผลอเอาเขาไปเปรียบกับใครคือ..ทำไมคุณไม่เป็น, ทำ, คิด……อย่างคนนั้น” เป็นต้นค่ะ”
จริงๆ มีมากกว่านี้นะคะจินยกตัวอย่างให้พอสังเขปนะคะ
หลักๆคือ เลี่ยงเด็ดขาดคำพูด
ที่บั่นทอนกำลังใจกัน ถ้าไม่ทันได้ระวังแล้วเผลอจะพูดออกไปก็ให้รีบขอโทษ ทันทีค่ะ
ทริคส่วนตัวเอง….
ที่เอาไว้ระงับชนวนเตาระเบิดอารมณ์คือ
มองที่เจตนาเริ่มต้นที่เขาทำในเรื่องนั่นก่อนโวยวาย หรือให้อภัยอย่างเร็วค่ะ
ทริคสุดท้าย….
4.ทำให้ศีลเสมอทั้งเธอและฉัน คุณเรียนรู้เรื่องอะไร ก็ให้คนข้างๆเรียนรู้ไปด้วยจะเรียนพร้อมกัน หรือใครเริ่มก่อนแล้วอีกคนค่อยเรียนรู้ตามมาทีหลังก็ได้จะได้คุยกันรู้เรื่องค่ะ
เพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใคร คนใดคนหนึ่งได้ทันที ในด้านใดด้านหนึ่งเลย
แต่การเปลี่ยนแปลงของคนๆหนึ่ง
อาศัยองค์ประกอบของการเรียนรู้พัฒนารอบด้าน ทั้งร่างกาย อารมณ์ ความคิด จิตวิญญาณ
หรือพูดภาพร่วมก็ต้องพัฒนาร่วมกันทั้งโลกภายนอก และโลกภายในค่ะ
เช่น ไปเข้าสัมนาโอกาสธุรกิจด้วยกัน เพื่อจะได้กลับมาคุยกัน เป็นการตัดสินใจร่วมกัน, ไปสวดมนต์ ฟังธรรมะ นั่งสมาธิด้วยกัน จะได้ใจละเอียดไปตามๆกัน หรือไปออกกำลังกาย, ใช้เวลาในกิจวัตร หรือทักษะบางอย่างร่วมกัน เป็นต้นค่ะ
ท้ายสุด สุดท้ายแล้วพระท่านว่าใดๆในโลก ล้วนไม่เที่ยงมีเกิด มีแตกดับ ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ เป็นอนัตตาทั้งหมดทั้งสิ้น ปลายทางชีวิตทุกคนเกิดคนเดียว ก็ตายจากไปคนเดียว
แต่ในวันที่ยังหายใจ ในโลกกว้างๆ ใบนี้
อย่างไรซะกับคนข้างๆ ก็ยังต้องให้ความสำคัญก่อนเสมอ ต้นไม้จะสวยงามได้ยังต้องใส่ปุ๋ย
รดน้ำ ดูแล ความรักความเข้าใจก็เช่นกัน
อย่าลืมใส่ใจ ชูรักให้คนที่เรารัก ดูแลเอาใจใส่ กันไว้ก่อนจะสายเกินไปนะคะ
❤️ส่งพลังใจนะคะ
เอาไปคิดดู ปรับใช้บ้างผลเป็นอย่างไร
แวะมาคุยส่งข่าวจินบ้างนะคะ
Pingback: work life balance มีจริงไหม ?